อนาคตแหล่งรวมแรงงานทักษะสูง

        “ทูเชียลสเตตส์” หรือ “ทูเชียลโอมาน” หรือ “ทูเชียลโคสต์” คือชื่อเดิมของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ค.ศ.1971 มีการจัดตั้งสมาพันธรัฐอิสระประกอบด้วย 6 รัฐ และได้รวมรัสอัลคอยมะห์เข้าเป็นรัฐที่ 7 ของประเทศใน ค.ศ.1972
         สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีพื้นที่เพียง 83,600 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยรัฐเจ้าผู้ครองนครทั้ง 7 รัฐคือ อาบูดาบี อัจมาน ดูไบ ฟูไจราห์ รัสอัลคอยมะห์ ชาร์จาห์ และอุมม์อัลไกไวน์ มีประชากร 10 ล้าน ยูเออีมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก จากในช่วงต้นศตวรรษ 1980 มี 4.2 ล้านบาร์เรล ได้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 9.8 หมื่นล้านบาร์เรลในปัจจุบัน ซึ่งแต่ละรัฐก็มีปริมาณสำรองไม่เท่ากัน อย่างอาบูดาบีมีปริมาณสำรองน้ำมันมากที่สุดคือ 9.2 หมื่นล้านบาร์เรล ดูไบ 4 พันล้านบาร์เรล และชาร์จาห์ 1.5 พันล้านบาร์เรล
พฤศจิกายน 2563 ยูเออีพบบ่อน้ำมันดิบบ่อใหม่ขนาดใหญ่ 2.2 หมื่นล้านบาร์เรล ทำให้ปริมาณสำรองน้ำมันธรรมดาของยูเออี เพิ่มขึ้นถึง 2 พันล้านบาร์เรล แม้จะได้ชื่อว่าเป็นมหาเศรษฐีน้ำมันโลก แต่ผู้นำยูเออีรู้ว่าประเทศคงพึ่งพารายได้จากอุตสาหกรรมน้ำมันได้อีกไม่นาน จึงมีการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจประเทศขนานใหญ่
ต้นเดือนกันยายน 2564 รัฐบาลยูเออีเปิดตัว Projects of the 50 ในวาระครบรอบ 50 ปีการก่อตั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีเป้าหมายให้โครงการนี้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และลดการพึ่งพารายได้จากอุตสาหกรรมน้ำมัน มีงบสนับสนุนโครงการต่างๆผ่านธนาคารเพื่อการพัฒนาเอมิเรตส์มากถึง 1,360 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 4.08 หมื่นล้านบาท และจัดงบ ประมาณอีก 1,360 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 4.08 หมื่นล้านบาท เข้าโครงการด้านเทคโนโลยีในภาคอุตสาหกรรม
         ยูเออีตั้งเป้าเป็นประเทศผู้นำอุตสาหกรรมชั้นนำระดับโลกในอีก 50 ปีข้างหน้า หลังจากที่ตั้งเป้าเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา หมายความว่า เมื่อครบรอบการก่อตั้งประเทศ 100 ปี ยูเออีจะต้องเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก ทางการยูเออีคาดว่าโครงการต่างๆของ Projects of the 50 จะเพิ่มศักยภาพการผลิตของประเทศให้ได้ร้อยละ 30 และเพิ่มปริมาณการส่งออกไปจีนและสหราชอาณาจักรอย่างน้อย ร้อยละ 10
         ประชากรแค่ 10 ล้านไม่พอต่อการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ รัฐบาลยูเออีจึงเปลี่ยนระเบียบให้ดึงดูดผู้ประกอบการและแรงงานต่างชาติให้เข้ามาทำงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าเขียวที่ปรับให้แรงงานสามารถอยู่ในประเทศต่อไปได้อีก 3 เดือน เมื่อสิ้นสุดสภาพการจ้างงาน จากเดิมที่ต้องออกนอกประเทศใน 30 วัน เพื่อให้แรงงานมีเวลาหางานใหม่ ส่วนกลุ่มฟรีแลนซ์ทักษะขั้นสูงก็กำลังจะมีวีซ่าสำหรับผู้ทำงานอิสระโดยเฉพาะ เพื่อดึงดูดให้เข้ามาทำงานที่ต้องใช้ทักษะขั้นสูงด้วย
         รัฐบาลยูเออียังดึงดูดผู้ประกอบการต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีให้เข้ามาทำธุรกิจในยูเออีมากขึ้น ผู้ประกอบการต่างชาติที่มีกิจการเป็นของตนเองจะได้รับสิทธิในการพำนักในยูเออีโดยไม่จำเป็นต้องมีนายจ้างหรือข้อผูกมัดกับบริษัทในยูเออี แถมยังอนุญาตให้นำบุตรอายุไม่เกิน 25 ปี (จากเดิมไม่เกิน 18 ปี) เข้ามาในยูเออีได้
         ยูเออีกระจายความเสี่ยงจากภาคอุตสาหกรรมน้ำมันไปยังภาคธุรกิจอื่น จนทำให้เศรษฐกิจของยูเออีหดตัวลงร้อยละ 6 ในปี 2020 แม้เศรษฐกิจจะหดตัวแต่ในระยะยาว ยูเออีตั้งเป้าที่จะดึงเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ให้มาลงทุนในประเทศมากถึง 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือ 4.5 ล้านล้านบาท ภายใน ค.ศ. 2030

Comments

More Events